extraction ออกฉายในปี 2020 เป็นภาพยนตร์แอ็กชันระทึกขวัญที่กระตุ้นอะดรีนาลีนให้ผู้ชมตื่นเต้นเร้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ กำกับการแสดงโดยแซม ฮาร์เกรฟ และอำนวยการสร้างโดยโจ และแอนโธนี รุสโซ ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงบทนำของคริส เฮมส์เวิร์ธ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงร่างกายที่น่าทึ่ง และความสามารถในการแสดงของเขา ด้วยฉากผาดโผนที่น่าทึ่ง ฉากแอ็กชันที่เข้มข้น และการแสดงที่กระตุ้นอารมณ์ Extraction โดดเด่นในฐานะประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ดึงดูดใจผู้ชมจนติดขอบที่นั่ง
เรื่องย่อ extraction
extraction ไทเลอร์ เรก (คริส เฮมส์เวิร์ธ) ทหารรับจ้างผู้แกร่งกล้าทำภารกิจท้าตายเพื่อช่วยลูกชายของมาเฟียใหญ่ในแวดวงอาชญากรรมที่ถูกลักพาตัวไป งานนี้ต้องบุกเข้ารังโจรกลางบังกลาเทศที่มีทั้งกองทัพนักค้ายา ทหารคอร์รัปชัน และทหารรับจ้างเด็ก โอบล้อมอยู่ทุกหนทาง
เป็นอีกหนึ่งหนังทางเน็ตฟลิกซ์ที่น่าจับตามองมาก ๆ เพราะเป็นหนังฟอร์มใหญ่สายแอ็กชันที่ได้พระเอกดังอย่างเทพเจ้าสายฟ้าธอร์ หรือ คริส เฮมเวิร์ธ มาแสดงนำ ส่วนคอหนังบ้านเรายังมีจุดให้สนใจเพิ่มตรงที่มีหลายฉากเลยที่มาถ่ายทำในบ้านเราทั้งจังหวัดนครปฐมและราชบุรี และงานนี้เป็นการกำกับหนังยาวครั้งแรกของ แซม ฮาร์เกรฟ ที่เคยมีผลงานสายสตันต์แมนมาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะในหนังซูเปอร์ฮีโรของมาร์เวลอย่าง Captain America: Civil War จนมาถึงล่าสุดอย่าง Avengers: Endgame จึงไม่แปลกใจที่สองพี่น้อง โจและแอนโทนี รุสโซ จาก Endgame จึงเต็มใจมาเป็นป๋าดันให้ฮาร์เกรฟในหนังเรื่องนี้ในฐานะโพรดิวเซอร์
คริส เฮมเวิร์ธ กับผู้กำกับ แซม ฮาร์เกรฟ ที่หล่อจนนึกว่ากัปตันอเมริกามาแจมด้วย
เรื่อง Extraction นี้ โจ รุสโซ รับหน้าที่เขียนบท โดยดัดแปลงมาจากกราฟิกโนเวลเรื่อง Ciudad ที่สองพี่น้องรุสโซได้ร่วมแต่งกับ แอนดี พาร์กส์ เดิมเนื้อหาจะว่าด้วย อีวา โรช เด็กสาวที่ถูกลักพาตัวและได้รับการช่วยเหลือจากพระเอกที่เป็นทหารรับจ้างชื่อ ไทเลอร์ เรก โดยตัวกราฟิกโนเวลนี้มีจุดขายคือความรุนแรงจัดหนัก กับฉากหลังที่เป็นเมือง ซิวดัดเดลเอสเต (Ciudad del Este) เมืองใหญ่อันดับ 2 ของปารากวัยที่ดูเสื่อมทรามมีอันตรายไปทุกหัวมุมถนนอันถูกนำมาใช้เป็นชื่อเรื่องนั่นเอง สำหรับใครที่สนใจอ่านก็ต้องบอกว่า งั้น ๆ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก แต่เพราะได้ลองหาอ่านก็เลยทำให้เห็นว่าตัวหนังนั้นพัฒนาต่อยอดมาได้ดูดีเลยทีเดียว
สิ่งที่เปลี่ยนไปในฉบับหนังคือ เปลี่ยนจากเด็กสาวมาเป็นเรื่องราวของลูกชายพ่อค้ายาแห่งอินเดียที่ถูกแก๊งค้ายาจากบังกลาเทศจับไป ส่วนพระเอกที่มาและไปแบบไม่มีภูมิหลังให้รับรู้ราวกับพระเอกคาวบอยยุคเก่า ก็แต่งเติมเรื่องราวให้ว่าเขาเป็นทหารรับจ้างสูญเสียลูกชายไปด้วยโรคร้ายทำให้เลือกใช้ชีวิตแบบไร้อนาคตไปวัน ๆ และที่เปลี่ยนไปมากที่สุดอย่างน่าประทับใจคือความซับซ้อนของสถานการณ์ในหนังที่เพิ่มตัวละคร ซาจู สมุนของพ่อค้ายาอินเดียเข้ามา ทำให้เรื่องราวสนุกขึ้นไปอีก และทำให้พระเอกต้องตกอยู่กลางวงล้อมของทั้งพ่อค้ายาบังกลาเทศ กลุ่มทหารเด็กในสลัมที่พ่อค้ายาเลี้ยงไว้ และกองกำลังทหารที่รับเงินสกปรกจากพ่อค้ายา โดยมีซาจูเข้ามาสอดแทรกให้ทุกอย่างยุ่งยากขึ้นมาก และทางรอดเดียวคือการฝ่านรกบนดินนี้พาเด็กชายไปยังจุดนัดพบนอกเมืองให้ได้เท่านั้นเอง
เมื่อมาทางนี้ ทำให้หนัง Extraction สามารถดึงจุดเด่นจากกราฟิกโนเวลมาใช้ได้อย่างชัดเจนมาก ๆ อย่างแรกคือแอ็กชันดุ ๆ ความรุนแรงแบบโหด ๆ ที่เปิดช่องให้ฮาร์เกรฟที่เคี่ยวกรำมาจากสายบู๊อัดใส่ไม่ยั้ง (ถึงขนาดพี่แกเกาะรถถ่ายฉากไล่ล่าแบบถึงพริกถึงขิงด้วยตัวเอง) ต้องบอกว่าหลังผ่าน 20 นาทีแรกที่ปูเรื่องราวต่าง ๆ หนังก็เข้าโหมดแอ็กชันลากยาวทั้งสู้ประชิดตัวแบบหมัดลุ่น ๆ หรือใช้มีดกระซวกคอย้ำ ๆ ทั้งฉากอาวุธยิงสาดกระสุนที่ใช้ยุทธวิธีแบบทหารผสมความเว่อแบบหนัง ฉากขับรถไล่ล่าที่กล้องวิ่งไปรอบ ๆ ได้ทั้งในรถนอกรถ ด้วยเทคนิคการเคลื่อนกล้องแบบลองเทคและการหลอกซ่อนรอยต่อของฉากให้เหมือนวิ่งตามหลังพระเอกแบบสมจริงยาว ๆ ตอนที่นั่งดูนั้นพอคิดตามว่าเขาถ่ายได้อย่างไรกันนะฉากแบบนี้ก็เป็นอีกความท้าทายในการดูหนังเหมือนกันเพราะฉากแอ็กชันสร้างสรรค์มาดีเลย พอเจอเน้น ๆ รัว ๆ แบบนี้มันจึงเป็นความเหี้ยมที่สะใจสายโหดนิยมทีเดียว จนต้องเตือนเลยว่า ถึงเรื่องนี้จะมีเด็กเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางเรื่องและไม่ใช่หนังเด็กเลยสักนิด
จุดเด่นที่สอง คือฉากหลังที่เป็นหนึ่งในตัวเอกของเรื่อง ซึ่งพอเปลี่ยนมาเป็นบังกลาเทศ (โดยถ่ายในไทยแทนหลาย ๆ ฉาก และทำเนียนมาก ๆ ด้วยมีหลุดให้รู้น้อยมากกกก คารวะทีมสร้างเลย) ก็ยังได้อารมณ์ความเสื่อมทรามและน่าหวาดหวั่นไม่แพ้พวกอเมริกาใต้ ตรงนี้เข้าใจว่าหนังต้องการเล่นให้ความไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่นเป็นปัจจัยที่ข่มขวัญและอุปสรรคให้เหล่าตัวเอกมากขึ้น ดาวเด่นอย่างหัวหน้าเด็กสลัมที่ต้องเอาชีวิตรอดและเรียนรู้เส้นทางสายโหดจากพ่อค้ายาจนสุดท้ายกลายมาเป็นกลุ่มติดอาวุธเด็กที่ใบหน้าซื่อ ๆ แต่พร้อมยิงคนที่ไม่รู้จัก ก็สะท้อนความเหี้ยมเกรียมของสังคมนี้ได้ดีมาก ๆ หรือฉากที่พระเอกต้องไปขอความช่วยเหลือจากสหายเก่าที่เปลี่ยนมู้ดหนังไปออกแนวเขย่าขวัญแทนในช่วงกลางเรื่องก็เป็นอะไรที่น่าสนใจดีทีเดียวที่คนเล่าเรื่องกล้าเบรกอารมณ์บู๊มัน ๆ ด้วยสไตล์หนังอีกแบบ
ไล่จุดแข็งมาเยอะแล้ว มาพูดถึงจุดอ่อนบ้าง ก็อย่างที่ว่ามาเดิมตัวกราฟิกโนเวลก็แทบไม่ทำให้เราผูกพันกับตัวละครนักอยู่แล้ว ในหนังก็แทบจะพอ ๆ กัน ฉากบู๊เด่นกว่าตัวละครเยอะมาก ยิ่งช่วงแรกคือตัวละครมองกันเหมือนวัตถุเลยด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นความฉลาดที่รุสโซเลือกนำมาใช้ให้หนังดูสมเหตุสมผลขึ้น ในตอนแรกพระเอกมองเด็กเป็นสัมภาระที่ต้องขนส่งไปยังจุดหมายเท่านั้น แว้บแรกที่โดนสั่งให้ทิ้งเด็กเขาไม่ได้ลำบากใจเพราะตัวเด็กด้วยซ้ำแต่เพราะเขากลับหลับตาเห็นหน้าลูกตัวเองต่างหากทำให้ทิ้งไม่ลง ซึ่งก็ถูกเพราะสถานการณ์ไม่เปิดช่องให้ตัวละครผูกพันกันเลยตั้งแต่ต้นช่วยมาก็หนีตายยาว ๆ แต่กระนั้นช่วงกลางเรื่องที่เบรกฉากบู๊มาซ่อนตัวแล้วเปิดให้ตัวละครเปิดใจต่อกัน มันก็เชยซะจนไม่รู้สึกอะไรกับตัวละครล่ะนะ พอมาถึงฉากท้ายเรื่องที่เป็นนาทีชีวิตเข้าแลก เราเลยลุ้นเพราะเป็น คริส เฮมเวิร์ธ ที่เราคุ้นเคยมากกว่าเพราะเป็นตัวละครไทเลอร์ในเรื่องเสียอีก ก็ไม่รู้เป็นความฉลาดของผู้สร้างมั้ยที่รู้ว่าบทมันอ่อนในการสร้างความผูกพันกับคนดูเลยเอาดาราแม่เหล็กที่คนพร้อมเอาใจช่วยแบบไม่สนภูมิหลังมาอุดรอยโหว่ตรงนี้
สรุป
เป็นหนังที่ฉากแอ็กชันมาทีก็มายาวและมันมาก สนุกทั้งดูเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ดัดแปลงจากกราฟิกโนเวลได้สนุกขึ้นเยอะมาก แต่ก็มีจุดอ่อนเรื่องการสร้างตัวละครที่ธรรมดาไปหน่อย กราฟอารมณ์ช่วงกลางเรื่องก็ชวนง่วงนิด ๆ แล้วก็พวกความโม้ที่ทำให้สะดุดใจอยู่นิดหน่อยเวลาดู แต่รวม ๆ โหด มัน (ไม่มีฮา) ใช้ได้เลย extraction