spenser confidential งานเปลี่ยนบรรยากาศของ ปีเตอร์ เบิร์ก

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

spenser confidential ตำรวจผู้ทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้ ทำให้เขาต้องเอาตัวเอง เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นตลอดเวลา และไม่เคยไว้หน้าใคร และความดุเดือดเลือดพล่านของเขา ทำให้มีเรื่องราวต้องชกต่อยกับคนอื่นอยู่เสมอ แม้แต่ทำร้ายร่างกายตำรวจชั่วปางตาย จนต้องติดคุกหนังเรื่อง SPENSER CONFIDENTIAL เสปนเซอร์ ลุย ล่า ปราบ ทรชน นำแสดงโดย Mark Wahlberg พระเอกหนุ่มฝีมือดี ที่มีหนังให้เราได้ดูกันมาแล้วหลายเรื่อง และกำกับโดย Peter Berg

เรื่องย่อ spenser confidential

spenser confidential สเปนเซอร์ (มาร์ค วาห์ลเบิร์ก) อดีตตำรวจถูกดึงเข้าสู่โลกอาชญากรรมใต้ดินของบอสตันเมื่อค้นพบความจริงเบื้องหลังฆาตกรรมซ่อนเงื่อนและการพยายามสมคบคิดเพื่อปกปิดคดี แม้จะถูกคุกคามและข่มขู่ แต่สเปนเซอร์ก็มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความยุติธรรมด้วยตนเองเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

เวลามีผู้กำกับหนังคนดังมาร่วมงานกับเน็ตฟลิกซ์เราก็เดา ๆ ได้ว่าน่าจะด้วยเหตุผลประมาณ 3 ข้อนั่นล่ะ คือ อย่างแรกมันเป็นโพรเจกต์ที่ค่ายหนังใหญ่ไม่สนใจทำ หรือไม่ก็ สองคือเป็นโพรเจกต์ที่ผู้กำกับคนนั้นอยากลองอะไรใหม่ ๆ เปลี่ยนบรรยากาศ และสามก็คือไม่เลือกงานไม่ยากจน (ฮา) สำหรับ ปีเตอร์ เบิร์ก ผู้กำกับเจ้าของงานแอ็กชันธริลเลอร์ใหญ่ ๆ ที่มักอิงจากเรื่องจริงอย่าง Lone Survivor (2013) และ Patriots Day (2016) ที่งานยุคหลังนอกจากจะเน้นความซีเรียสจริงจังจากเหตุการณ์จริงแล้ว การมาร่วมงานกับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็กลายเป็นคู่ขวัญคู่ใหม่ไปเลย เหตุผลที่ทั้งคุ่มาร่วมงานกับเน็ตฟลิกซ์ดูจากงานนี้ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่ได้ลองทำกับเน็ตฟลิกซ์แทนค่ายหนังแล้ว เนื้อหาของหนังก็ยังได้ดัดแปลงนิยายชุดสืบสวนการคอร์รัปชันในแวดวงตำรวจที่มีตัวละครนำชื่อ สเปนเซอร์ ของนักเขียนดังนาม โรเบิร์ต บี. พาร์กเกอร์ ซึ่งเคยเป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์ช่วงปี 1985 เรื่อง Spenser: For Hire มาเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวบู๊ปนฮาร้าย ๆ ด้วย ซึ่งงานหนังตลกเรื่องสุดท้ายของเบิร์กนี่ต้องย้อนไปตอนทำ Hancock (2008) นู่นเลยทีเดียว เรื่องนี้แกน่าจะได้ปลดปล่อยพอสมควร

ปีเตอร์ เบิร์ก กับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกันใน Lone Survivor จากนั้นก็ได้ร่วมงานกันมาตลอด

ด้วยความที่ดัดแปลงเอามันจากนิยายที่ซีเรียส ๆ หน่อยทำให้ตัวหนังมีความทั้งจริงจังและไม่จริงจังไปพร้อมกัน ในขณะที่ปริศนาในคดีและเหล่าตัวร้ายจะค่อนข้างดูสมจริงและซีเรียส แต่ผู้ชมก็จะไม่เบื่อเพราะบุคลิกของสเปนเซอร์ อดีตตำรวจที่เข้าคุกเพราะไม่ชอบความอยุติธรรมนั้นเป็นตัวละครที่มีสีสัน ปากหมา หน้ายับ รักหมากว่าแฟน และชอบแกว่งเท้าเข้าไปหาเสี้ยนทุกครั้งที่เห็นคนบริสุทธิ์เดือดร้อน ยิ่งการเข้าคู่กับพวกตัวละครอื่นฝั่งพระเอกที่คาแรกเตอร์จัดเกินปกติ ทั้ง ฮอว์ก (ได้ วินสตัน ดู๊ก ที่เล่นเป็น เอ็มบากู ในหนัง Black Panther มาเล่น) ตัวละครผิวสีคู่หูสุดหน้าตายและรักสัตว์ของสเปนเซอร์ที่ถูกปรับจากตำรวจในนิยายมาเป็นเด็กฝึกของค่ายมวย ตาลุงเฮนรี่ ชายแก่ที่ให้ความช่วยเหลือด้านที่พักหลังพระเอกออกจากคุกมาก็เป็นตาแก่ไม่ทันเทคโนโลยีแต่มีความเก๋าแบบโอลด์สคูล รวมถึง ซิสซี่ แฟนสาวของสเปนเซอร์ที่ผีเข้าผีออกอารมณ์รุนแรงเดาใจยาก ทั้งหมดเมื่อรวมตัวกันก็เลยกลายเป็นแก๊งที่ไม่ลงรอยกันเองแต่ก็เข้าขากันเยี่ยมเวลาคับขัน ช่วยให้หนังดูสนุกพอสมควร

ข้อเสียของหนังก็เป็นความไม่สุดเท่าไหร่นักนั่นล่ะ เพราะในแง่ของตัวละครนำก็จัดเป็นตัวละครที่น่าสนใจ ดูได้เพลิน ๆ เรื่อย ๆ แต่ยังไม่ได้ติดใจขนาดอยากดูซีรีส์ต่อเนื่องไปหลังจากนี้ (ถ้ามีอย่างที่ท้ายเรื่องห้อยปมไว้) ในขณะที่ฝั่งตัวร้ายด้วยเนื้อหาการคอร์รัปชันในแวดวงตำรวจที่พัวพันกับนักการเมืองและแก๊งอาชญากรรมใหญ่โตมาก แต่เพราะหนังไม่ได้เทให้กับเรื่องพวกนั้นเพียงพอมันก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าพวกตัวร้ายน่ากลัวหรือเจ๋งขนาดที่กล่าวอ้างมาเลย ยิ่งฉากแอ็กชันก็เป็นแบบที่เดาได้ (เช่นฉากรถบรรทุกที่เป็นภาคบังคับมากว่าจะต้องมีแน่ ๆ) และก็เป็นอะไรที่โอลด์สคูลมาก ๆ ไม่ได้หวือหวาน่าจดจำอะไร

นี่ยังเป็นหนังเรื่องแรกของแรปเปอร์ดังอย่าง โพสต์ มาโลน ด้วย ก็ได้โชว์ฝีมือการแสดงกวน ๆ จิต ๆ อยู่นิดหน่อย

โดยรวมแล้วก็เป็นหนังที่ฆ่าเวลาพอได้ ไม่ได้ถึงกับแนะนำอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจงหนีไป เป็นงานที่เอาความผ่อนคลายเป็นที่ตั้งทั้งตัวผู้สร้างและผู้ชม spenser confidential

บทความที่น่าสนใจ